ที่ปรึกษาเริ่มต้นธุรกิจ sme

ที่ปรึกษาธุรกิจsme
เริ่มต้นธุรกิจ sme ระบบบัญชีพื้นฐานที่ sme ควรมี บัญชีการเงินกับบัญชีเพื่อการจัดการ บัญชีเพื่อการจัดการของฝ่ายบริหาร การวางแผนและการควบคุม โครงสร้างองค์กรเพื่อบัญชีบริหาร

เริ่มต้นธุรกิจ sme

การเริ่มต้นธุรกิจ การบัญชีการเงิน SME

คือการเงินdbd  เพื่อใช้ยื่นกับหน่วยงานราชการ แต่การบริหารกิจการอย่างมืออาชีพ จำเป็นต้องมีเครื่องมือในการบริหาร เช่น งบการเงินเฉพาะกิจการ งบการเงินย้อนหลัง งบการเงินราวม การวิเคราะห์งบการเงิน งบกระแสเงินสด ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับต้นทุน วิธีการคำนวณต้นทุนผันแปรและการจัดทำรายงาน เพื่อนำไปสู่ การวิเคราะห์ ต้นทุน ปริมาณและกำไร นำไปสู่การ เขียนงบประมาณ เพื่อการตัดสินใจ ระยะสั้น และ ลงทุนเพิ่มในอนาคต ทั้งหมดนี้ คือ บริการที่ปรึกษาธุรกิจ ส่วนหนึ่งที่ท่านจะได้พบ ที่นี่ ที่เดียว

happy
partner
Auditplan
team

ผู้บริหารปฏิบัติงานเพื่อให้องค์กรอยู่รอดและพัฒนาแนวคิดต่างๆเพื่อนำมาใช้ในการปฏิบัติงานให้องค์กรมีความเจริญก้าวหน้าอยู่เสมอผู้บริหารทั้งกิจการขนาดเล็กและกิจการขนาดใหญ่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับการตัดสินใจที่ถูกต้องของผู้บริหารสิ่งที่เป็นเครื่องมือในการตัดสินใจของผู้บริหารได้แก่ข้อมูลสำหรับการตัดสินใจซึ่งจัดทำเป็นฐานข้อมูลเพื่อเป็นระบบข้อมูลที่มีประสิทธิภาพใช้ในการตัดสินใจได้ทันเวลาข้อมูลส่วนใหญ่เป็นข้อมูลทางการเงินโดยรวบรวมจากระบบบัญชีนอกจากนั้นผู้บริหารยังต้องศึกษาความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เอาไว้ใช้งานบริหารให้ทันกระแสโลกาภิวัตน์ New Normal และ Social distancing

ระบบข้อมูลทางบัญชีและระบบบัญชี

ระบบบัญชีเป็นระบบพื้นฐานที่SME ควรมี

เหตุผลที่ควรมีเพราะเป็นที่รวบรวมข้อมูลทางการเงินของธุรกิจซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบข้อมูลธุรกิจข้อมูลจากระบบบัญชีเป็นข้อมูลที่สำคัญจึงเป็นที่น่าสนใจของบุคคลทั้งภายในและภายนอกองค์กรซึ่งบุคคลแต่ละกลุ่มมีความสนใจข้อมูลทางการบัญชีที่แตกต่างกันตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการการบัญชีแบ่งความต้องการการใช้ข้อมูลของบุคคลภายในและบุคคลภายนอกองค์กรเป็น 2 ลักษณะดังนี้คือ

 1 การบัญชีการเงิน

การบัญชีการเงินเป็นการจดบันทึกทางการเงินเพื่อนำเสนอรายงานต่อบุคคลภายนอกองค์กรและจัดทำบัญชีภายใต้หลักการบัญชีที่รองรับโดยทั่วไป ปัจจุบันการบัญชีการเงินของประเทศไทยได้ออกพระราชบัญญัติการบัญชีเพื่อให้ทุกกิจการต้องเก็บบันทึกบัญชีให้ถูกต้องตามกฎหมายบัญชีเพื่อให้บัญชีทุกกิจการมีความถูกต้องตามที่ควรและเป็นประโยชน์ต่อบุคคลภายนอกที่ต้องการใช้ข้อมูลทางการบัญชีของกิจการไม่เข้าใจผิดต่อข้อมูลบัญชี

2 การบัญชีเพื่อการจัดการ

การบัญชีเพื่อการจัดการเป็นการรวบรวมและประมาณข้อมูลเพื่อนำเสนอต่อฝ่ายบริหารไว้ใช้ในการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลทางการบัญชีเพื่อการจัดการเป็นข้อมูลที่ใช้สำหรับบุคคลภายในเท่านั้นและเป็นข้อมูลที่ยังไม่เกิดขึ้นจึงต้องใช้การประมาณการค่าภายใต้หลักการและเหตุผลที่เป็นไปได้  ส่วนหนึ่งใช้ข้อมูลทางการบัญชีการเงินสำหรับการประมาณการค่าข้อมูลต่างๆที่ต้องการได้แก่การจัดทำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ  การจัดทำงบประมาณเป็นต้น

ศึกษาเพิ่มเติม

คลิก

ศึกษาเพิ่มเติม

คลิก

ศึกษาเพิ่มเติม

คลิก

ศึกษาเพิ่มเติม

คลิก

การเปรียบเทียบระหว่างการบัญชีการเงินและการบัญชีเพื่อการจัดการ

รายงานของบัญชีการเงินเป็นรายงานที่จัดเตรียมไว้สำหรับบุคคลภายนอก  ได้แก่  ผู้ถือหุ้น  เจ้าหนี้  เป็นต้น  ในขณะที่รายงานของบัญชีเพื่อการจัดการเป็นรายงานสำหรับผู้บริหารภายในองค์กรซึ่งรายงานทั้ง 2 แตกต่างกันดังนี้

1  ข้อมูลที่นำมาทำรายงาน

ข้อมูลที่ใช้บันทึกในบัญชีการเงินเป็นการสรุปเหตุการณ์จากรายการค้าที่เกิดขึ้นในอดีต ส่วนข้อมูลที่ใช้กับบัญชีเพื่อการจัดการใช้สำหรับการวางแผนในอนาคตจึงต้องเน้นข้อมูลในอนาคต  อย่างไรก็ตามข้อมูลที่ใช้จัดการทำบัญชีเพื่อการจัดการต้องประมาณจากข้อมูลในอดีตซึ่งบัญชีการเงินนั้นได้จดบันทึกไว้เป็นหมวดหมู่และมีหลักฐานอ้างอิง

2  ความยืดหยุ่นและเกี่ยวข้องกับปัญหาของข้อมูล

ข้อมูลทางบัญชีการเงินเป็นข้อมูลที่มีหลักฐานและพิสูจน์ได้  แต่ข้อมูลของบัญชีเพื่อการจัดการเป็นข้อมูลในอนาคตซึ่งยังไม่เกิดขึ้นทำให้ข้อมูลที่ใช้ไม่มีหลักฐานอย่างแน่นอน   จึงใช้ข้อมูลตามหลักเหตุผลเชื่อมโยงถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหาสามารถยืดหยุ่นให้เพื่อให้ผู้บริหารพิจารณาตัดสินใจได้ถูกต้อง

3   ความถูกต้องของข้อมูล

ข้อมูลจากบัญชีการเงินมีความถูกต้องแน่นอนมากกว่าข้อมูลจากบัญชีเพื่อการจัดการ  เนื่องจากข้อมูลจากบัญชีเพื่อการจัดการเป็นการรายงานข้อมูลที่ประมาณการอย่างสมเหตุสมผล   ในขณะที่ข้อมูลบัญชีการเงินเป็นข้อมูลที่บันทึกตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในขณะนั้น  อย่างไรก็ตามข้อมูลบัญชีการเงินบางรายการเป็นข้อมูลที่ถูกต้องตามความเหมาะสม  ได้แก่  ค่าเสื่อมราคา  หนี้สงสัยจะสูญ  เป็นต้น

ศึกษาเพิ่มเติม

ดังต่อไปนี้

4  ข้อมูลสำหรับหน่วยงานในองค์กร

รายงานข้อมูลบัญชีการเงินเป็นรายงานสรุปผลการดำเนินงานรวมของกิจการ  เพื่อมองภาพรวมของกิจการแต่ไม่สามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้สำหรับการตัดสินใจ  ในขณะที่การรายงานข้อมูลของบัญชีเพื่อการจัดการเป็นการรายงานแยกตามหน่วยงานที่ต้องการวัดผลการดำเนินงาน  แผนกแต่ละสายงานเป็นต้น  เพื่อทราบความเป็นไปของหน่วยงานนั้นๆ และใช้เป็นข้อมูลสำหรับการตัดสินใจของหน่วยงานนั้นๆ

5  ข้อมูลเป็นไปตามหลักบัญชีที่ยอมรับโดยทั่วไป

การรายงานของบัญชีการเงินเป็นการรายงานตามกฎหมายบัญชี  หรือตามหลักบัญชีที่รองรับโดยทั่วไป กฎหมายกำหนดในเรื่อง  กิจการที่ต้องจัดทำบัญชี  มาตรฐานบัญชีเป็นต้น ส่วนบัญชีเพื่อการจัดการเป็นการรายงานที่ไม่มีหลักการจัดทำบัญชีอย่างเป็นทางการและมีลักษณะเป็นการให้ข้อมูลเพื่อให้ผู้บริหารใช้ตัดสินใจ

6 การรายงานทันต่อเวลา

การบัญชีการเงินเป็นการรายงานผลการดำเนินงานที่ผ่านมาภายในระยะเวลารายงานอย่างน้อย 1 ครั้งต่อปี ซึ่งเป็นรายงานการเงินที่ผ่านมาในอดีต  ในขณะที่การรายงานของบัญชีเพื่อการจัดการเป็นการรายงานข้อมูลในอนาคตเพื่อใช้สำหรับการตัดสินใจสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายหน้าเพื่อจัดรายงานให้ทันต่อเวลาที่ต้องใช้ตัดสินใจ

planing

บัญชีเพื่อการจัดการกับงานของฝ่ายบริหาร

ผู้บริหารของกิจการแบ่งออกเป็น 3 ระดับมีดังนี้

1 ผู้บริหารระดับต้น      ได้แก่    หัวหน้าคนงาน

2 ผู้บริหารระดับกลาง   ได้แก่  หัวหน้าสายงาน

3 ผู้บริหารระดับสูง       ได้แก่   ผู้จัดการฝ่ายต่างๆ

รองประธานกรรมการบริหาร

ประธานกรรมการบริหาร

ซึ่งผู้บริหารแต่ละระดับต้องการข้อมูลเพื่อช่วยในการดำเนินงานของแต่ละขั้นตอนในการบริหารงาน

ขั้นตอนในการบริหารงานแบ่งออกเป็น 3 ขั้นตอนดังนี้

1 การวางแผน planning  เป็นขั้นตอนในการกำหนดเป้าหมาย วิธีการดำเนินงาน และการจัดทำงบประมาณเพื่อให้บรรลุเป้าหมายซึ่งผู้บริหารจะเป็นผู้ตัดสินใจเลือกทางเลือกของเป้าหมาย และทางเลือกต่างๆของวิธีการดำเนินงาน  การตัดสินใจในขั้นตอนนี้  จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เช่นแผนงานขายไปยังต่างประเทศ  แผนงานในการเปิดสาขาใหม่เป็นต้น  ซึ่งขั้นตอนในการวางแผนต้องการใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนทั้งหมดสำหรับการตัดสินใจนั่นคือข้อมูลจากบัญชีการเงินในอดีต

2 การอำนวยการและการจูงใจ directing and motivation เป็นการจัดการการดำเนินงานประจำวันในองค์กรให้ดำเนินงานบรรลุตามเป้าหมาย จะต้องสั่งการ  จูงใจพนักงานซึ่งต้องใช้ข้อมูลในแต่ละวันสำหรับการตัดสินใจในการดำเนินงานดังกล่าว

3  การควบคุม  controlling  เป็นกระบวนการที่ผู้บริหารติดตามผลงานที่ดำเนินงานตามแผนงานให้เป็นไปตามเป้าหมายและวิธีดำเนินการนั้นหรือไม่ ควรแก้ไขสิ่งใด ซึ่งผู้บริหารพิจารณาข้อมูลย้อนกลับและร่องรอยในการดำเนินงานที่ผ่านมาจากบัญชีทางการเงินเพื่อทราบผลการดำเนินงานว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดและระยะเวลาที่กำหนดแล้วหรือไม่  กรณีที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ผู้บริหารต้องการข้อมูลเพิ่มเติมใช้ในการตัดสินใจ

วงจรการวางแผนและการควบคุม

ศึกษาเพิ่มเติม

จากขั้นตอนในการบริหารงานข้างต้นสามารถสรุปเป็นวงจรการวางแผนและการควบคุม ขั้นตอนที่แสดงถึงกิจกรรมการบริหารจัดการตั้งแต่การวางแผน    การอำนวยการและการจูงใจ จนถึงการควบคุม โดยที่ทุกกิจกรรมนั้นจะต้องมีการตัดสินใจจากผู้บริหาร

จุดศูนย์กลางของการตัดสินใจจะถูกส่งไปที่

1  การวางแผนระยะสั้นและระยะยาว

2 แผนการดำเนินงานการอำนวยการและการจูงใจ

3 การเปรียบเทียบการดำเนินงานจริงกับแผนการปฏิบัติการ (การควบคุม)

4 ประเมินผลการดำเนินงาน (การควบคุมประเมินผล)

grow

โครงสร้างการจัดการองค์กร

การกระจายอำนาจ( decentral ization) เป็นการกระจายอำนาจการตัดสินใจให้กับผู้บริหารแต่ละระดับเป็นผู้ตัดสินใจในส่วนที่ตนเองรับผิดชอบ เป็นโครงสร้างการจัดองค์กรที่เหมาะสมกับองค์กรขนาดใหญ่ ทำให้เกิดการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ การวางแผนการกระจายอำนาจต้องพิจารณาจากโครงสร้างองค์กร ซึ่งโดยทั่วไปแล้วการแบ่งอำนาจมี 2 ประเภทคือ

1 อำนาจหน้าที่หลัก(Line) คือ อำนาจหน้าที่การบังคับบัญชาหลักมุ่งเน้นที่จะดำเนินงานให้บรรลุปรวัตถุประสงค์หลักขององค์กรเช่นคณะกรรมการบริหาร  ประธานกรรมการ ผู้จัดการสาขาต่างๆ

2 อำนาจหน้าที่สนับสนุน (Staft) คืออำนาจหน้าที่ในการสนับสนุน ช่วยให้การดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์หลักขององค์กรเช่นกัน แต่ไม่มีอำนาจหน้าที่ในสายบริหารโดยตรง เช่นฝ่ายบัญชีฝ่ายจัดซื้อเป็นต้น

จรรยาบรรณของนักวิชาชีพ

ทางบริษัทได้ตระหนักถึงพฤติกรรมด้านจริยธรรมทั้งในแง่ธุรกิจ

จรรยาบรรณทั่วไป

จรรยาบรรณทั่วไปเพื่อการจัดการต้องมีความรับผิดชอบสีลักษณะ

1 การรักษาความมีศักยภาพของวิชาการ( competence ) แนวปฏิบัติดังนี้

1.1  รักษาระดับความสามารถที่เหมาะสมโดยพัฒนาทั้งด้านความรู้และทักษะในการปฏิบัติงานอยู่เสมอ

1.2 ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย กฎระเบียบและมาตรฐานทางวิชาการ

1.3 จัดเตรียมรายงานและเสนอข้อมูลที่สมบูรณ์ และชัดเจนภายใต้การวิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องและน่าเชื่อถืออย่างเหมาะสม

2  การ รักษาความลับ (confidentiality) แนวปฏิบัติดังนี้

2.1 หลีกเลี่ยงการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับจากงานที่ทำยกเว้นเมื่อมีคำสั่งจากผู้มีอำนาจหรือถูกกำหนดตามกฎหมายให้เปิดเผยข้อมูลนั้น

2.2  แจ้งผู้ประกอบการเกี่ยวกับความลับของข้อมูลจากงานที่ทำตามความเหมาะสมและติดตามกิจกรรมต่างๆของผู้ใต้บังคับบัญชาเพื่อนแน่ใจถึงการรักษาความลับนั้น

2.3  หลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลที่เป็นความลับจากงานที่ทำ เพื่อประโยชน์ที่ผิดกฎหมายหรือประโยชน์ต่อบุคคลที่สาม

3 การรักษาความซื่อสัตย์

ศึกษาเพิ่มเติม

3 การรักษาความซื่อสัตย์(integrity) แนวปฏิบัติดังนี้

3.1 หลีกเลี่ยงความขัดแย้งต่างๆที่จะเกิดขึ้นและให้คำแนะนำที่เกี่ยวข้องในเรื่องความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้น

3.2 หลีกเลี่ยงการดำเนินกิจการใดๆที่อาจเป็นอคติต่อการปฏิบัติงานตามจริยธรรม

3.3 ปฏิเสธของกำนัลหรือความอนุเคราะห์ต่างๆที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานได้

3.4  หลีกเลี่ยงการบ่อนทำลายทั้งสายตรงและทางอ้อมต่อการบรรลุผลของวัตถุประสงค์ในจริยธรรมองค์กร

3.5 ตะหนักถึงข้อจำกัดการให้ข้อมูลทางวิชาชีพหรือข้อจำกัดอื่นต่อการปฏิบัติงาน

3.6 ให้ข้อมูลทั้งดีและไม่ดีรวมถึงข้อพิจารณาและข้อเสนอแนะต่างๆอย่างมืออาชีพ

3.7 เลี่ยงการเข้าไปเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนกิจการใดๆที่อาจทำให้วิชาชีพเสื่อมเสีย

4 รักษาความเที่ยงธรรม (objecivity ) แนวปฏิบัติดังนี้

4.1 ให้ข้อมูลอย่างเป็นธรรมและเที่ยงตรง

4.2 เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหาและข้อเสนอแนะให้ผู้ใช้งานทางการเงินได้เข้าใจ

2 กำหนดแนวทางปฏิบัติเมื่อมีการปฏิบัติผิดต่อจริยธรรม

กำหนดแนวทางเมื่อมีการปฏิบัติผิดต่อจริยธรรม เมื่อนักบัญชีเพื่อการจัดการและผู้บริหารการเงินมีปัญหาเกี่ยวกับจรรยาบรรณหรือแก้ไขปัญหาการขัดแย้งของจรรยาบรรณเมื่อนโยบายองค์กรไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งทางจรรยาบรรณจะปฏิบัติ

สรุป การจะปรับปรุงธุรกิจคือ

การปรับปรุงนั้นต้องมีหลายส่วนประกอบกัน เราช่สนท่านได้ ระดับมืออาชีพ  ด้วยประสบการณ์ ที่ครอบคลุม ในทุกมิติ

การเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจ

ธุรกิจที่มีการแข่งขันเพิ่มขึ้น ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้มีการคิดค้นกระบวนการ  เพื่อทำให้สินค้าหรือบริการมีคุณภาพสูงแต่สินค้านั้นมีราคาต่ำ และมีประเภทสินค้าและประเภทบริการให้เลือกจำนวนมาก แนวคิดทางการบริหารใหม่ๆที่มีประสิทธิภาพจึงเกิดขึ้นได้แก่

1 กำหนดการบริหารงานแบบทันเวลาพอดี (Just- In- Time หรือ JIT)

2  กำหนดการบริหารคุณภาพรวม  ( Total Quality Management  หรือ TQM)

3 กำหนดกระบวน การในการปรับรือระบบ (Process reengineering)

4  กำหนดทิศ ( The theory of constraints หรือ TOC)

จดทะเบียนบริษัท

คลิก

ข่าว

คลิก

ศึกษาเพิ่มเติม

คลิก

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *